วันเสาร์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2557

ดุสิตา สร้อยสุวรรณา




ดอกสร้อยสุวรรณา
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Utricularia bifida   L.                                                                                                 

ชื่อวงศ์ : LENTIBULARIACEAE

ชื่ออื่นๆ : หญ้าสีทอง

ลักษณะ : พืชล้มลุก ขึ้นเป็นกอเล็ก สูง 10-15 ซม. ใบ เดี่ยว ขนาดเล็ก เรียงเวียนรอบโคนต้น มีอวัยวะจับแมลงเกิดตามข้อของไหล หรือบนใบ รูปกลมขนาดเล็ก มีก้านชูสั้นๆ ดอก สีเหลือง ออกเป็นช่อตั้งจากโคนกอ มีดอกย่อย 2-6 ดอก ขนาด 6-10 มม. กลีบดอกโคนเชื่อมติดกันเป็นหลอด กลีบบนมีขนาดใหญ่ประมาณ 2 เท่าของกลีบอื่น ปลายมนรูปไข่กลับ บริเวณโคนมีเส้นสีแดงเข้ม ตามยาว กลีบล่างมนกลมหรือแยกเป็น 2 พู ตรงกลางกลีบเป็นถุง รูปจงอยโค้ง ไปด้านหลัง เกสรผู้ 2 อัน ติดอยู่บนหลอดกลีบดอก ผล แบน รูปรีแกมรูปไข่ เมล็ด ขนาดเล็ก จำนวนมาก อินเดีย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และอินโดนีเซีย ในประเทศไทยพบมากทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ขึ้นตามพื้นที่โล่งชื้นแฉะ ออกดอกช่วงเดือน กันยายน-ธันวาคม ช่วงออกดอกจะทิ้งใบ




ดอกดุสิตา

      สำหรับในประเทศไทยพบต้นดุสิตาขึ้นได้ที่ภูเขาในจังหวัดสกลนคร ชัยภูมิ ศรีสะเกษ เลย อุบลราชธานี โดยเฉพาะที่อุทยานแห่งชาติผาแต้ม จังหวัดอุบลราชธานี ในช่วงฤดูหนาว ต้นดุสิตาจะออกดอกสีม่วงเต็มท้องทุ่ง ดูแล้วสวยงามเป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวเป็นอย่างยิ่ง และนอกจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือแล้ว เรายังสามารถชมความงดงามของต้นดุสิตาได้ที่จังหวัดเชียงใหม่ พิษณุโลก ปราจีนบุรี จันทบุรี และตราด 
    ทั้งนี้ ในแต่ละท้องถิ่นอาจเรียกชื่อต้นดุสิตาแตกต่างกันไป เช่น ในจังหวัดเลยจะเรียก "หญ้าเข็ม" หรือในพื้นที่อื่นก็อาจเรียกว่า "ดอกขมิ้น"
       ลักษณะของต้นดุสิตา

                ต้นดุสิตา เป็นไม้ล้มลุกขนาดเล็ก สูงเต็มที่ไม่เกิน 25 เซนติเมตร มีอายุเพียงแค่ 1 ปี แต่สามารถขยายพันธุ์ได้ด้วยเมล็ดและยกกอ โดยส่วนต่าง ๆ จะมีลักษณะดังนี้
       
                 ใบ : เป็นใบเลี้ยงเดี่ยว เรียงสลับ มีลักษณะคล้ายใบหอกกลับ กว้างประมาณ 0.5 มิลลิเมตร ยาวประมาณ 1 เซนติเมตร ปลายใบกลม ขอบใบเรียบ ผิวใบเกลี้ยง มีเส้นกลางใบ 1 เส้น ไม่มีก้านใบ เมื่อโตได้ระยะหนึ่ง ใบจะเปลี่ยนเป็นม้วนกลมเพื่อดักจับแมลง
       

                 ถุงดักจับ : ใช้สำหรับจับแมลงกินเป็นอาหาร มีขนาดเล็ก รูปไข่ขวาง เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 มิลลิเมตร มีรยางค์ 2 เส้น ยาวประมาณ 1 มิลลิเมตร ก้านถุงดักจับยาวประมาณ 1.5 มิลลิเมตร ผิวเกลี้ยง แกนช่อดอกยาวได้ถึง 10 เซนติเมตร ผิวเกลี้ยง มีดอกย่อยจำนวน 1-10 ดอก ก้านดอกย่อยยาวได้ถึง 6 มิลลิเมตร ใบประดับเป็นรูปใบหอกแกมรูปไข่ กว้างประมาณ 2 มิลลิเมตร ยาวประมาณ 5 มิลลิเมตร ปลายแหลม ขอบเรียบ 

                 ดอก : ออกเป็นช่อสีม่วง แทงขึ้นจากโคนกอ มีดอกย่อย 2-5 ดอกเรียงสลับกัน มักออกดอกในช่วงปลายหน้าฝนคือราว ๆ เดือนกันยายน ไปจนถึงหน้าหนาวในช่วงเดือนธันวาคม

                 กลีบดอก : เชื่อมติดกันเป็นรูปปากเปิด สีม่วงเข้ม กลีบปากด้านบนรูปเกือบกลม กว้างประมาณ 12 มิลลิเมตร ยาวประมาณ 9 มิลลิเมตร ปลายแหลม 
                 กลีบเลี้ยง : มี 2 กลีบ สีม่วงเข้ม เชื่อมติดกันที่ฐาน แฉกกลีบเลี้ยงขนาดไม่เท่ากัน กลีบด้านบนเป็นรูปไข่ปลายแหลม ส่วนกลีบด้านล่างเป็นรูปไข่แกมใบหอก ปลายเว้าบุ๋ม กว้าง 3-3.5 มิลลิเมตร ยาวประมาณ 8 มิลลิเมตร ขอบเรียบ 
                 ผล : เป็นรูปทรงรีคล้ายแคปซูล กว้างประมาณ 3 มิลลิเมตร ยาวประมาณ 5 มิลลิเมตร เมื่อผลแก่แห้งแล้วจะแตกออก ภายในมีเมล็ดขนาดเล็กอยู่เป็นจำนวนมาก
                 เมล็ด : เป็นรูปไข่ ยาวประมาณ 0.3 มิลลิเมตร 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น