ดอกทองกวาว
ชื่อวิทยาศาสตร์ Butea monosperma (Lam.) Taub
ตระกูล PAPILIONACEAE
ชื่อสามัญ Flame of the forest, Bastard Teak
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
เป็น ไม้ยืนต้นขนาดกลาง สูงประมาณ 12-18 เมตร เปลือกต้นเป็นปุ่มปม กิ่งอ่อนมีขนละเอียดสีน้ำตาลหนา การแตกกิ่งก้านไปในทิศทางที่ไม่ค่อยเป็นระเบียบ
- ใบ: เป็นใบประกอบแบบขนนก มีใบย่อย 3 ใบ เรียงสลับใบย่อยที่ปลายรูปไข่ กลีบแกมสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน ใบย่อยด้านข้างเป็นรูปไม่เบี้ยว กว้าง 8-15 เซนติเมตร ยาว 9-17 เซนติเมตร ขอบใบเรียบ
- ดอก: ออกเป็นช่อคล้ายดอกทองหลาง สีแดงส้ม มีความยาว 6-15 เซนติเมตร มีดอกย่อยเกาะเป็นกลุ่ม เวลาบานมี 5 กลีบ จะออกดอกดกที่สุดในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี
- ผล: ผลมีลักษณะเป็นฝักสีน้ำตาลอ่อน แบน โค้งงอเล็กน้อย ไม่แตก ด้านบนหนาแตกเป็น 2 ซีก มีเมล็ดขนาดเล็กอยู่ภายใน 1 เมล็ด ฝักยาวประมาณ 10-12 เซนติเมตร กว้างประมาณ 2-3 เซนติเมตร
การปลูก
นิยมปลูกลงในแปลงปลูก เพื่อประดับบริเวณบ้านและสวน ขนาดหลุมปลูก 50x50x 50 เซนติเมตรใช้ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมัก : ดินร่วนอัตรา 1:2 ผสมดินถ้าปลูกเพื่อประดับบริเวณบ้านหรืออาคารควรให้มีระยะห่างที่เหมาะสม เพราะทองกวาวเป็นไม้ที่มีทรงพุ่มใหญ่พอสมควร
การดูแล
แสง ต้องการแสงแดดจัด หรือกลางแจ้ง
น้ำ ต้องการปริมาณน้ำปานกลาง ควรให้น้ำ 7-10 วัน/ครั้ง
ดิน ชอบดินร่วนซุย
ปุ๋ย ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก อัตรา 2:3 กิโลกรัม/ต้น ควรใส่ปีละ 3-5 ครั้ง
โรค ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องโรค เพราะเป็นไม้ที่ทนต่อโรคพอสมควร
ประโยชน์
- ดอก ต้มดื่มเป็นยาแก้ปวด ถอนพิษไข้ ขับปัสสาวะ
- ฝัก ต้มเอาน้ำเป็นยาขับพยาธิ
- ยาง แก้ท้องร่วง
- เปลือก มีงานวิจัยพบว่า สารสกัดจากเปลือก ช่วยเพิ่มขนาดหน้าอกให้ใหญ่ขึ้น แต่จะลดจำนวนอสุจิ
- เมล็ด บดผสมมะนาว ทาบริเวณผื่นคัน
- ใบ ต้มกับน้ำ แก้ปวด ขับพยาธิ ท้องขึ้น ริดสีดวงทวาร
- ราก ต้มรักษาโรคประสาท บำรุงธาตุ
ดอกช้างน้าว
ช้างน้าว มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Ochna integerrima Merr อยู่ในวงศ์ OCHNACEAE มีถิ่นกำเนิดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ช้างน้าวในภาคกลางเรียก กำลังช้างสาร ระนองเรียก กระแจะ จันทบุรีเรียก ขมิ้นพระต้น ทางเหนือเรียก ตาลเหลือง
ช้างน้าวเป็นไม้ต้นผลัดใบขนาดเล็ก สูง 3-8 เมตร แตกกิ่งก้านจำนวนมาก ทรงพุ่มกลม จะผลัดใบพร้อมกับผลิดอก
ใบเป็นใบเดี่ยว รูปหอก เรียงแบบสลับ ปลายกิ่งมีกาบค่อนข้างแข็งปลายแหลมหุ้มตาอยู่ ขอบขนานใบ กว้าง 4-7 เซนติเมตร ยาว 8-18 เซนติเมตร ปลายใบแหลมเหลืองมน ขอบหยักถี่ๆ แผ่นใบเกลี้ยง เป็นมันทั้งสองด้าน
ดอก มีลักษณะเป็นช่อดอกสีเหลือง ออกเป็นช่อกระจุกที่ปลายยอด มีดอกย่อย 2-8 ดอก จะทยอยบาน ดอกย่อยมีกลีบเลี้ยงสีเขียวนวล รูปขอบขนาน 5 กลีบ โค้งงอไปหาปลายดอกและติดอยู่ จนกระทั่งเป็นผล กลีบดอกรูปหอก มีจำนวน 5-10 กลีบ เมื่อดอกย่อยบานมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 4 เซนติเมตร หลุดร่วงง่าย แต่ละต้นมีดอกบานอยู่ 4-7 วัน มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ฤดูดอกบานอยู่ในช่วงเดือน มกราคม-พฤษภาคม ส่วนใหญ่ผลัดใบก่อนแล้วออกดอกพร้อมกันทั้งต้นในช่วงปลายเดือนมีนาคม
ผลมีสีเขียว ๑-๓ เมล็ด ติดอยู่บนฐานรังไข่สีดำ เมื่อแก่เต็มที่เมล็ดมีสีแดง
เปลือกต้นที่มีรสขม ไปปรุงเป็นยา ช่วยให้เจริญอาหาร
รากไปใช้ขับพยาธิ แก้น้ำเหลืองเสีย
ขยายพันธุ์โดยเพาะเมล็ด ตอนกิ่ง และตัดชำราก ชอบแดดจัด ดินร่วนระบายน้ำดี ทนแล้งได้ดี
ช้างน้าวในภาคกลางเรียก กำลังช้างสาร ระนองเรียก กระแจะ จันทบุรีเรียก ขมิ้นพระต้น ทางเหนือเรียก ตาลเหลือง
ช้างน้าวเป็นไม้ต้นผลัดใบขนาดเล็ก สูง 3-8 เมตร แตกกิ่งก้านจำนวนมาก ทรงพุ่มกลม จะผลัดใบพร้อมกับผลิดอก
ใบเป็นใบเดี่ยว รูปหอก เรียงแบบสลับ ปลายกิ่งมีกาบค่อนข้างแข็งปลายแหลมหุ้มตาอยู่ ขอบขนานใบ กว้าง 4-7 เซนติเมตร ยาว 8-18 เซนติเมตร ปลายใบแหลมเหลืองมน ขอบหยักถี่ๆ แผ่นใบเกลี้ยง เป็นมันทั้งสองด้าน
ดอก มีลักษณะเป็นช่อดอกสีเหลือง ออกเป็นช่อกระจุกที่ปลายยอด มีดอกย่อย 2-8 ดอก จะทยอยบาน ดอกย่อยมีกลีบเลี้ยงสีเขียวนวล รูปขอบขนาน 5 กลีบ โค้งงอไปหาปลายดอกและติดอยู่ จนกระทั่งเป็นผล กลีบดอกรูปหอก มีจำนวน 5-10 กลีบ เมื่อดอกย่อยบานมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 4 เซนติเมตร หลุดร่วงง่าย แต่ละต้นมีดอกบานอยู่ 4-7 วัน มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ฤดูดอกบานอยู่ในช่วงเดือน มกราคม-พฤษภาคม ส่วนใหญ่ผลัดใบก่อนแล้วออกดอกพร้อมกันทั้งต้นในช่วงปลายเดือนมีนาคม
ผลมีสีเขียว ๑-๓ เมล็ด ติดอยู่บนฐานรังไข่สีดำ เมื่อแก่เต็มที่เมล็ดมีสีแดง
เปลือกต้นที่มีรสขม ไปปรุงเป็นยา ช่วยให้เจริญอาหาร
รากไปใช้ขับพยาธิ แก้น้ำเหลืองเสีย
ขยายพันธุ์โดยเพาะเมล็ด ตอนกิ่ง และตัดชำราก ชอบแดดจัด ดินร่วนระบายน้ำดี ทนแล้งได้ดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น