วันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ฤดูหนาว

     
ดอกลิลลี่

ชื่อวิทยาศาสตร์ Lilium spp.
ชื่อสามัญ Lily,  Easter Lily
ถิ่นกำเนิด ในทวีปเอเชียแถว ๆ จีนและญี่ปุ่น
ลิลลี่ (Lily, Lilium hybrids) เป็นไม้ดอกประเภทหัว มีดอกขนาดใหญ่เป็นสง่าและสวยงามมาก บางชนิดมีกลิ่นหอมมาก นับว่าเป็นดอกไม้ที่มีราคาแพงที่สุดในปัจจุบัน ใช้ได้ทั้งเป็นไม้ตัดดอกและไม้กระถาง ชนิดที่นิยมปลูกในปัจจุบันคือ ลิลลี่ปากแตร เนื่องจากดอกมีรูปทรงเหมือนแตร ชนิดนี้มีดอกสีขาวมีกลิ่นหอม ในต่างประเทศเรียก Easter lily อีกชนิดหนึ่งเป็นลูกผสมเอเชีย (Asiatic hybrids) มีช่อดอกตั้ง มีดอกหลายสี ชนิดนี้มีดอกไม่หอม อีกชนิดหนึ่งมีดอกหอมมากมีราคาแพงที่สุด คือลูกผสม Oriental hybridsในพื้นที่ของโครงการหลวง เช่น ดอยปุย ดอยอ่างขาง และดอยอินทนนท์ พบว่ามีลิลลี่พันธุ์พื้นเมือง หรือเรียกว่าลิลลี่ดอยขึ้นอยู่ในป่า ออกดอกในเดือนสิงหาคมดอกหอมมากโดยเฉพาะในเวลากลางคืนที่มีอากาศหนาวเย็นปัจจุบันนี้โครงการหลวงได้ทำการวิจัยขยายพันธุ์ลิลลี่ โดยวิธีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อให้เกษตรกรชาวเขาปลูก นอกจากนี้ยังได้ทำการปรับปรุงพันธุ์ลิลลี่ลูกผสมต่างชนิด โดยใช้พ่อแม่พันธุ์ที่นำเข้าจากต่างประเทศผสมกับลิลลี่ดอยอีกด้วย


                                                         

         ดอกพวงคราม               
              
ชื่อวิทยาศาสตร์:    Petrea volubilis L.
ชื่อวงศ์:    VERBENACEAE
ชื่อสามัญ:    Purple Wreath, Sanpaper Vine, Queen’s Wreath
ชื่อพื้นเมือง:    ช่อม่วง
ลักษณะทั่วไป:

 ต้น    เป็นไม้เลื้อยที่ มีเถาใหญ่แข็งแรง กิ่งก้านก็ค่อนข้างแข็ง เถาอ่อนก็มีขนแต่เมื่อเถาแก่ขนก็จะหายไปเปลือกของต้นหรือ  เถาเป็นสีขาวหรือสี น้ำตาลอ่อนเถา สามารถเลื้อยคลุมต้นไม้อื่นไปได้ไกลมากกว่า 20 ฟุต  เป็นใบเดี่ยว ออกสลับ เว้าเป็นแฉก

 ดอก    ดอกเป็นช่อสีม่วงคราม มี 5 กลีบ คล้ายรูปดาว 5 แฉก กลีบรูปขอบขนาน ด้านบนของกลีบจะมีขน โคนกลีบดอกเชื่อมต่อกันเป็นหลอด ภายในดอกมีเกสรตัวอยู่ 4-5 อัน มีก้านร่วมกับเกสรตัวเมีย ปลายเกสรตัวเมียมี 3 แฉก พวงครามมักจะออกดอกและบานพร้อมกันเต็มช่อ ดอกค่อนข้างดกและจะบานทนนานได้หลายวันมา
 ฝัก/ผล    ผลค่อนข้างกลม เส้นผ่านศูนย์กลาง 4-6 ซม. เมื่อสุกสีม่วงหรือสีเหลืองมีเนื้อฉ่ำน้ำ  
 ฤดูกาลออกดอก:    ออกดอกตลอดปี โดยเฉพาะช่วงฤดูหนาว
 การขยายพันธุ์:   - เพาะเมล็ด 
                          - การตอนกิ่ง
                          - การปักชำกิ่ง การปักชำกิ่งในขี้เถ้าแกลบจะได้ผลดีกว่าการปักชำกิ่งในกระบะทราย หรือการปักชำกิ่งในดิน

 การใช้ประโยชน์:    ปลูกเป็นซุ้มหรือตามรั้วบ้าน และบริโภค
 ถิ่นกำเนิด:    หมู่เกาะเวสต์อินดีส บราซิล 
 ส่วนที่ใช้บริโภค:    ผลรับประทานได้ ทำแยม เครื่องดื่ม มีวิตามินซี โปรตีน และคาร์โบไฮเดรต


                                                                      
ดอกโครคัส

Crocus หรือ Krokus (โครคุส) ชื่อในภาษาเยอรมันมีลักษณะคล้ายๆกับดอกบัวบ้านเรา
 ดอกไม้ ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิช่วงนี้อากาศอุ่นขึ้น มีแดดโผล่ออกมาให้เห็น ดอกไม้ก็เริ่มแข่งกันออกดอก บาน  สะพรั่งCrocus เป็นไม้ดอกที่นิยมปลูกกันมากค่ะ ไม่ว่าจะที่สวนส่วนตัวหรือสวนสาธารณะมีหลา
 สีด้วยกันค่ะ เช่น เหลือง ขาว ม่วง ม่วงอ่อน ฯลฯจะสังเกตว่าหน้าตารูปทรงของดอกโครคัสคล้ายๆ        
หญ้าฝรั่น(saffron) ที่เป็นเครื่องเทศให้สีส้มเหลืองในการทำอาหาร                                                          ประวัติศาสตร์ได้กล่าวถึง crocus ว่า เป็นดอกไม้ที่ชาวโรมันนิยมปลูกบนหลุมฝังศพ                                เพราะชาวโรมันยุคนั้นนิยมเชื่อว่า ดอกโครคัสสามารถทำให้ผู้ตายได้จุติใหม่ โดยมีชีวิตที่ดีกว่าเดิม      
   และในคืนวิวาห์คู่บ่าวสาวนิยมโรยดอกโครคัสบนเตียง เพราะเชื่อว่ากลิ่นของมันเป็นยาโป๊ว                      แม้แต่ชาวกรีกก็เชื่อเช่นกันว่า กลิ่นโครคัสสามารถกระตุ้นความรู้สึกที่จะมีเพศสัมพันธ์ได้ดีมาก             


ดอกไม้


                                                                               
ดอกทิวลิป

ทิวลิป เป็นดอกไม้เมืองหนาวที่มีถิ่นกำเนิดในทวีปยุโรป เป็นดอกไม้สัญลักษณ์ของฮอลแลนด์ มีอยู่  หลายสี ดอกทิวลิปจะปได้ต้องใช้อุณหภูมิที่เหมาะสม คือไม่เกิน 25 องศาเซลเซียส                                               
  • ดอกทิวลิปสีแดง หมายถึง ความมั่นคงในความรัก ความจริงจังและจริงใจของผู้ให้ ความซื่อสัตย์และรักอย่างหมดหัวใจ
  • ดอกทิวลิปสีชมพู หมายถึง ความสดใส ความสุขสมหวัง ความรักที่ลึกซึ้ง และความคิดถึง
  • ดอกทิวลิปสีเหลือง หมายถึง เป็นสัญลักษณ์แห่งความผิดหวัง
  • ดอกทิวลิปสีขาว หมายถึง ฉันเสียสละทุกอย่างได้เพื่อคุณ รักที่ไม่หวังผลตอบแทน
  • ดอกทิวลิปสีม่วง หมายถึง ความซื่อสัตย์ ความมั่นคง
  • ดอกทิวลิปสีส้ม หมายถึง ความรักที่ปกปิดซ่อนเร้น ความรู้สึกว้าวุ่น และอารมณ์ที่เต็มไปด้วยความอ่อนไหว



ดอกไลเซนทัส

ไลเซนทัส เป็นไม้ดอกขนาดเล็ก มีถิ่นกำเนิดอยู่ในแถบยุโรปลักษณะคล้ายดอกกุหลาบ แต่ออกดอกจะเป็นช่อไม่ใช่ดอกเดี่ยวเหมือนกับกุหลาบมีกลีบบางอ่อน ดูนุ่มนวล อ่อนช้อย มีหลายสี เช่น สีขาว พีช ขาวขอบชมพู   ขาวขอบม่วง ชมพู ม่วง และลาเวนเดอร์ดอกไลเซนทัสเมื่อใช้จัดร่วมกับดอกไม้ชนิดอื่นๆแล้ว จะช่วยให้การจัดดอกไม้ชิ้นงานนั้นๆ ดูอ่อนหวานขึ้นจึงมักถูกใช้ประดับในช่อดอกไม้ในงานแต่งงาน เพราะมีความหมายดีใน     ประเทศไทยมีแหล่งขยายพันธ์หลักอยู่ที่ศูนย์วิจัยพันธุ์พืช มหาวิทยาลัยแม่โจ้ในภาษาดอกไม้ ดอกไลเซนทัส หมายถึง มิตรภาพที่ยั่งยืน ความทรงจำที่ดี                                                                              


ดอกไฮเดรนเยีย

“Hydrangea”  หรือ ไฮเดรนเยีย เป็นดอกไม้จากต่างประเทศแต่รู้จักกันมานานแล้วในประเทศไทย สันนิษฐานกันว่า คุณไฮเดรนเยียนี้ เดินทางเข้ามาในประเทศไทยในสมัยรัชกาลที่ 5 แต่จะเข้ามาในไทยสมัยใดก็ช่างเถอะ เพราะตอนนี้ไฮเดรนเยียเป็นดอกไม้ที่แพร่หลายในประเทศไทย และเป็นที่นิยมของนักจัดสวน รวมทั้งนิยมนำมาประดับในงานแต่งงาน 
คำว่า  hydrangea มาจากรากศัพท์ภาษากรีก ที่ว่า  water (hydro) และ vessel (angeion) = bowel of water ที่เรียกเช่นนั้นคงเป็นเพราะรูปทรงของดอกคล้ายอ่าง แล้วก็เค้าชอบน้ำมาก...พอขาดน้ำหน่อยก็เหี่ยวเฉา แต่ข้าพเจ้าคิดว่าเจ้าดอกไฮเดรนเยียดูเป็นพุ่มๆ กลมๆ คล้ายอ่างน้ำซะมากกว่า...ดอกไฮเดรนเยียเป็นดอกไม้ที่หลายๆ คนคงจะรู้จักดี แต่ว่าก็ยังมีอีกหลายคนที่เคยเห็นแต่ยังไม่ทันได้ทำความรู้จักกับคุณเธอ....เรามาทำความรู้จักกับเธอกันดีกว่า  

ข้อมูลทางด้านพฤกษศาสตร์

               ไฮเดรนเยีย (Hydrangea) เป็นไม้พุ่งสูง 1-3เมตรจัดเป็นพืชหลายฤดูชอบอากาศหนาวเย็น บางชนิดเป็นไม้ยืนต้นหรือไม้เลื้อยแต่ส่วนใหญ่มักเป็นไม้พุ่มเตี้ยใบเกิดแบบตรงข้ามแผ่นใบมีขนาดกว้างใหญ่ขอบใบจักช่อดอกเกิดส่วนปลายกิ่งหรือยอด  ลำต้นดอกประกอบด้วยใบประดับที่มีสีสวยงามแล้วแต่พันธุ์ ไฮเดรนเยียอาจผลัดใบหรือไม่ผลัดใบก็ได้ แต่ถ้าเป็นชนิดที่อยู่ในเขตอบอุ่นจะผลัดใบ พักตัวในฤดูหนาว

ดอกเฟื่องฟ้า

ชื่อวิทยาศาสตร์: Bougainvillea hybrida
ชื่อสามัญ: ดอกเฟื่องฟ้า (อังกฤษ: Bougainvillea, Paper flower)
ชื่อพื้นเมืองอื่นๆ: Peper Flower, Kertas, ตรุษจีน

 ดอกเฟื่องฟ้า ถูกค้นพบครั้งแรกในประเทศบราซิลโดยนักพฤกษศาสตร์ชาวฝรั่งเศสราว ค.ศ. 1766-1769 และ   ได้ถูกนำไปปลูกยังส่วนต่าง ๆ ของโลก เริ่มจากยุโรป อเมริกาเหนือ และเอเชีย สำหรับในประเทศไทย มีการนำ  พันธุ์เฟื่องฟ้าเข้ามาจากสิงคโปร์ครั้งแรกราว พศ. 2423 ใน สมัยรัชกาลที่ 5 พันธุ์เฟื่องฟ้าในประเทศไทยมีไม่    น้อยกว่าต่างประเทศ เนื่องจากเฟื่องฟ้าเจริญเติบโตได้ดีในประเทศไทย และกลายพันธุ์เกิดเป็นพันธุ์ใหม่ขึ้น      มากมาย